ขนาดรูรับแสง ขนาดรูรับแสงจะมีผลต่อความชัดลึกของภาพ รูรับแสงที่กว้างจะมีความชัดลึกน้อยแต่บริเวณจุดโฟกัสจะมีความความชัดสูงมาก รูรับแสงแคบๆ จะมีความชัดลึกกว้างแต่ความชัดที่จุดโฟกัสจะคมชัดน้อยกว่าหน้ากล้องที่กว้างๆ
ภาพแสดงความชัดลึกของภาพเมื่อขนาดหน้ากล้องต่างกันระยะชัดจะอยู่ในช่วงสีน้ำเงิน ความคมชัดสูงที่สุดที่จุดโฟกัส และจะลดลงเมื่อห่างออกไป เมื่อพ้นระยะชัดภาพก็จะเบลอร์

ภาพนี้ถ่ายด้วย f 5.6 จะเห็นว่าจุดโฟกัสมีความคมชัดสูง ไกลออกไปเพียงเล็กน้อยภาพจะเบลอร์
รูรับแสงแคบๆ ความชัดลึกกว้าง จะมีผลทำให้สิ่งที่อยู่นอกระยะโฟกัสมีความคมชัดไปด้วย เหมาะสำหรับถ่ายภาพวิวส์ทิวทัศน์ที่ต้องการความคมชัดของภาพโดยรวมสูง
ภาพเปรียบเทียบเพื่อให้เห็นความแตกต่างของขนาดรูรับแสงกับความชัดลึก ไกลออกไปยังพอชัด
ภาพซ้าย f 5.6 บริเวณด้านหน้าของภาพหรือที่จุดโฟกัสจะค่อนข้างจะชัดกว่า ไกลๆ ออกภาพจะเบลอร์ภาพขวา f 8 บริเวณจุดโฟกัสชัดพอประมาณ ไกลๆ ออกไปยังพอดูออกว่าเป็นดอกไม้ดอกกลมๆ แต่ความชัดโดยรวมจะมากกว่า
ช่างภาพทั่วๆ ไปมักจะไม่ใช้คำว่า รูรับแสง แต่มักจะเรียกว่า หน้ากล้อง เช่นตอนนี้ใช้หน้ากล้องเท่าไร สปีด เท่าไร หน้ากล้อง คือ ขนาดรูรับแสง สปีด คือ ความเร็วชัตเตอร์
การที่จะเลือกใช้หน้ากล้องเท่าใดขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผู้ถ่าย หากต้องการให้ภาพชัดทั่วทั้งภาพก็ต้องใช้หน้ากล้องแคบๆ เหมือนกับการถ่ายภาพวิวส์ทิวทัศน์ แต่ในบางครั้งเราไม่สามารถที่จะใช้ขนาดหน้ากล้องที่แคบมากๆ ได้เพราะสภาพแสงไม่เอื้ออำนวย หากเราลดขนาดหน้ากล้องลงจนแคบมาก แสงก็จะเข้ากล้องได้น้อยเราจึงต้องลดสปีดลง บางครั้งลดลงจนต่ำกว่าความเร็วที่เราถ่ายภาพได้ด้วยมือ ดังนั้นจึงต้องใช้ขาตั้งกล้อง แต่ต้องมีเงื่อนไขว่า วัตถุที่เราต้องการจะถ่ายจะต้องหยุดนิ่ง ถ้าหากถ่ายต้นไม้ดอกไม้ที่เคลื่อนไหวไปมาตลอดเวลาเพราะแรงลม ดังนั้นเราจึงต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์ที่สูงขึ้น มีผลทำให้ขนาดหน้ากล้องต้องปรับเพิ่มขึ้นตามจนไม่แคบเท่าที่ใจเราต้องการ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น